หญิงช้ำ พ้นคุกออกมา ช็อก ผัวเก่าแอบขายบ้าน-สวนทุเรียน ไร้ที่นอน

หญิงช้ำ พ้นคุกออกมา หวังอาศัยบ้าน ทำสวนทุเรียนบั้นปลายชีวิต ช็อก ผัวเก่า แอบขายบ้าน-สวนทุเรียน ไร้ที่ซุกหัวนอน ทั้งที่เป็นเจ้าบ้านคนเดียว งงทำไมซื้อขายง่าย

หญิง อายุ 53 ปี หลังพ้นโทษคดียาเสพติดเดินทางกลับบ้านที่พ่อแม่เคยสร้างไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรง หวังเป็นที่อยู่อาศัย ทำสวนทุเรียนเลี้ยงชีพในช่วงบั้นปลายชีวิต ต้องน้ำตาตกพบว่าอดีตสามี ที่เคยเลิกรากันกว่า 2 ปี เหตุเพราะติดการพนันและติดผู้หญิง ย่องกลับมาแอบขายบ้านและสวนทุเรียนเชิดเงินไปจนหมด ขณะที่หญิงผู้เสียหายถูกจำคุกอยู่ในทัณฑสถานหญิงสงขลา

จึงร้องขอความเป็นธรรมทวงถามถึงหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องว่า มีการซื้อขายกันได้อย่างไร ทั้งที่ผู้เสียหายยังมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านอยู่ในทะเบียนบ้านอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของบ้านผู้เสียหายถามใครเป็นผู้เซ็นรับรองหนังสือซื้อขายบ้านให้

 

ล่าสุดวันที่ 18 ก.ค.2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่พบ น.ส.รัชนีพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาวอ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังที่มีปัญหา หลังได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

 

น.ส.รัชนีพร กล่าวว่า เดิมตนเป็นคนสุราษฎร์ธานี พ่อแม่ได้ซื้อที่ดินจำนวน 1 แปลง 5 ไร่ และได้ปลูกบ้าน ตนจึงได้พาสามีมาอยู่ด้วยกันซึ่งเป็นสมบัติของพ่อแม่ตนเอง บ้านดังกล่าวเป็นชื่อของตนเป็นเจ้าบ้านเพียงผู้เดียว ไม่มีชื่อสามีอยู่ในทะเบียนบ้าน

หญิงสุดช้ำ พ้นคุกออกมา หวังอาศัยบ้าน ทำสวนทุเรียนบั้นปลายชีวิต ช็อก ผัวเก่า แอบขายบ้าน-สวนทุเรียน ไร้ที่ซุกหัวนอน ทั้งที่เป็นเจ้าบ้านคนเดียว งงทำไมซื้อขายง่าย

 

ต่อมาสามีติดการพนันและติดผู้หญิง และพาผู้หญิงหนี ทิ้งให้ตนอยู่บ้าน 2 ปีกว่า และระหว่างนั้นได้ทำสวนปลูกทุเรียนไว้ประมาณ 70 ต้น หลังจากนั้นตนถูกจับคดียาเสพติดจำคุกอยู่ในทัณฑสถานหญิง 11 ปี 11 เดือน พ้นโทษถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2567

ต่อมาวันที่ 11 ก.ย. จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ทราบว่าถูกอดีตสามีย้อนกลับมาขายบ้านและสวนทุเรียนไประหว่างที่ตนอยู่ในเรือนจำ ทำให้เดือดร้อนมากไม่มีที่อยู่ ต้องไปอาศัยญาติที่ อ.หลังสวน เป็นที่พักอาศัย แต่เกิดความเกรงใจ จึงย้ายมาขออาศัยอยู่ในโรงรถของญาติฝ่ายสามีคนปัจจุบันในตำบลเดียวกัน เพราะใกล้บ้านของตนเพื่อจะเดินเรื่องขอความเป็นธรรม

โดยสอบถามไปทางผู้นำชุมชนกับปัญหาดังกล่าวให้เรียกผู้ที่ซื้อบ้านของตนมาเคลียร์กันได้หรือไม่ แต่ก็ยังเงียบ ตนต้องสืบติดตามหาผู้ซื้อผู้ขายเอง ทราบว่าบ้านของตนถูกขายเปลี่ยนมือไปแล้ว 5 ราย ซึ่งรายที่ 5 ล่าสุดนี้ซื้อบ้านและสวนทุเรียนของตนเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน เนื้อที่จำนวน 5 ไร่ ในราคา 3 ล้านบาท

กลับมาเห็นบ้านตนและสวนทุเรียนที่ปลูกมากับมือรู้สึกเสียใจ เกิดความสงสัยว่าทำไมมีการซื้อขายกันง่าย ทั้งที่บ้านก็ยังมีชื่อของตนเป็นเจ้าของ ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน อยากรู้ว่าใครเป็นคนเซ็นรับรองหนังสือให้ ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของบ้านติดคุกอยู่

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2568 ตนนำเอกสารหลักฐานไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปพุดคุยเจรจากัน ทางศูนย์ไม่สามารถออกหนังสือให้ได้ ไม่เข้าใจว่าเรามาเพื่อร้องของความเป็นธรรม ทำไมทำให้เราไม่ได้ ตั้งศูนย์ดำรงธรรมไว้ทำไม สุดท้ายต้องพึ่งสื่อมวลชน.