เปิดจำนวนค่าปรับ “พีช สมิทธิพัฒน์” ต้องชดใช้ โดนแจ้ง 3 ข้อหา

คืบหน้าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 เมษายน 2568 ภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน นายพีช สมิทธิพัฒน์ ได้ออกมาจากห้องพร้อมยกมือไหว้และพูดว่าผมขอโทษทุกอย่างไปหมดแล้ว และยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปพบกรณีจะเข้าไปพบกับคู่กรณี  พร้อมย้ำว่าเป็นอุบัติเหตุ ขอโทษอีกครั้ง

จังหวะที่นายพีชจะก้าวขึ้นรถ บังเอิญมีกล้องของช่างภาพสำนักหนึ่งไปกระแทกศีรษะของนายพีช ทำให้นายพีชหันมาด้วยการชักสีหน้า ตะคอกกลับมาที่สื่อมวลชน “ใครโดนหัวผม หัวผมเพิ่งเย็บมา” แล้วก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่คนติดตามจะหันมาย้ำกับสื่อมวลชนว่า น้องผมเย็บศรีษะมา

ต่อมาเวลา 17.20 น. นายสมิทธิพัฒน์ หรือ พีช เดินทาง เข้ามาที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 พร้อมกับนายกฤษฎา หรือ นายกฯ เบี้ยว หลีนวรัตน์ บิดา

นายพีช เดินเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนทันที โดยขึ้นทางบันไดด้านข้างอาคาร พยายามที่จะเลี่ยงให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ก่อนที่นายกฤษฎา หรือนายกเบี้ยว ที่เดินตามหลังมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับสื่อมวลชน บอกว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหาขับรถโดยประมาทตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก และในส่วนของรถยนต์ BMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง และยังยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริงและเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด

เปิดจำนวนค่าปรับ พีช สมิทธิพัฒน์ ต้องชดใช้ โดนแจ้ง 3 ข้อหา

 

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสน ว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจในวันนี้นั้นอาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาดเพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตัวเองก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ซึ่งตอนแรก ตัวเองยังยืนยันที่จะไม่ได้เดินทางมาจริงแต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าหากไม่เดินทางมาวันนี้ก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ย้ำว่าไม่หลบหนีอยู่แล้ว

ส่วนในเรื่องของคลิปเสียงที่มีการแบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตัวเองยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคม ที่ลูกชายตัวเองทำผิดพลาดไป และตัวเองไม่มีอิทธิพลใดใด หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น

ในส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคมที่จะมาถึง นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ

 

เปิดจำนวนค่าปรับ พีช สมิทธิพัฒน์ ต้องชดใช้ โดนแจ้ง 3 ข้อหา

 

พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ตัวเองย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีชมาตลอด ซึ่งในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยค่อยสอนค่อยๆ ตะล่อมหากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็เข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ซึ่งครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป ส่วนลูกชายที่เป็น สส.สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ก็มีอารมณ์โมโหน้องชาย แล้วก็ได้พูดคุยกับน้องชายแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงน้องชายแต่ยังไม่เจอกัน และในส่วนของภรรยาพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นก็ร้องไห้เป็นทุกข์

นายกฤษฎา ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุหากย้อนกลับไป 40 ปีตัวเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้

นายกฤษฎา ยังปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเลย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องและตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หากับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี

ขณะที่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวงนายกฤษฎา มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่าอย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลยเพราะตัวเองและครอบครัวก็ยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชนเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *