ลูกสาวร้องแม่ดับสลด หลังรักษาหมอสมุนไพร บุกพิสูจน์ต้นตอกลางป่า อึ้งเจอหนอนยั้วเยี้ย

ลูกสาวร้องแม่ดับสลด หลังรักษาหมอสมุนไพร บุกพิสูจน์ต้นตอกลางป่า อึ้งเจอหนอนยั้วเยี้ย เปิดใจไม่ได้อยากได้เงิน แค่อยากให้คนที่เกี่ยวข้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น

จากเหตุการณ์สุดสะเทือนใจและกำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ออกมาเล่าเรื่องราวการสูญเสียของคุณแม่ ผ่านคลิปวิดีโอทั้งหมด 4EP. เนื้อหาของคลิปวีดิโอ ลูกสาวเล่าเรื่องราวการสูญเสียคุณแม่ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันที่ต้องประกอบพิธีฌาปนกิจ สิ่งที่ผู้ชมส่วนใหญ่ตั้งคำถามและเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลังจากชมคลิปทั้งหมดจบ คือ กระบวนการรักษาด้วยแพยท์ทางเลือก ที่น้องสาวของผู้เสียชีวิตพาผู้เสียชีวิตไปรักษา จนอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

นางคณิตา หรือนิด อายุ 61 ปี ผู้เสียชีวิต เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.2567 ขณะอาศัยอยู่กับสามีที่จ.อุตรดิตถ์ กระทั่งวันที่ 20 พ.ย.67 อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ผลการสแกนพบว่ามีก้อนเนื้อในสมองจำนวนมาก โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นก้อนเนื้อร้าย

ถัดมาวันที่ 4 ธ.ค.67 ลูกสาวพาแม่เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยระหว่างนั้นนำแม่มาฝากไว้กับน้า เพราะต้องไปทำธุระเรื่องลูกที่ จ.เพรชบุรี 2 วัน ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. น้าติดต่อและพาแม่ไปรักษากับหมอสมุนไพรในพื้นที่อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยอ้างมีคนแนะนำมาอีกที สถานที่ที่เรียกว่า สถานรักษา ที่อ.กบินทร์บุรี แต่แท้จริงคือบ้านกลางป่า ซึ่งไม่มีอุปกรณ์หรือบุคลากรทางการแพทย์ใดๆ มีเพียงสามีภรรยา อ้างตัวเป็นหมอสมุนไพร ใช้วิธีให้ผู้ป่วยดื่มน้ำต้มสมุนไพรจากดอกดาวเรืองและฉีดยาที่ไม่ทราบแหล่งที่มา อีกทั้งยังสั่งห้ามผู้ป่วยรับประทานยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน โดยอ้างว่ามีแต่สเตียรอยด์

หลังจากผ่านไป 5 วัน น.ส.สุธาศินี ลูกสาว รับโทรศัพท์แจ้งว่า แม่หมดสติและถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ก่อนจะเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู ได้เพียง 9 วัน แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากสมองตาย

 

น.ส.สุธาศินี เผยว่า ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ หลังแม่เสียชีวิตไปแล้ว 3 เดือน เพราะทนไม่ได้ที่ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะน้าที่เป็นคนพาแม่ไปรักษาในสถานที่ลักษณะนั้น แต่กลับพยายามบอกกับญาติคนอื่นว่า ตนเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของแม่

“วันนี้หนูไม่ได้อยากได้เงิน หนูไม่ได้อยากดัง แต่หนูแค่อยากให้คนที่เกี่ยวข้องออกมายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่โยนความผิดให้หนู”น.ส.สุธาศินีกล่าวทั้งน้ำตา

ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ที่อ้างว่าเป็นสถานรักษาอาการป่วยด้วยสมุนไพรโดยไปในพื้นที่ ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ดังกล่าว พบว่ามีห้องแถวตั้งอยู่ 4 ห้อง ด้านหน้ามีป้ายเขียนติดว่า บ้านพักอภิธรรมบางปะแก้ว ถัดไปมีบ้านชั้นเดียวตั้งอยู่และถัดจากนั้นก็มีศาลา ลักษณะคล้ายที่พำนักสงฆ์ เมื่อสังเกตดูในตู้กระจกที่ตั้งอยู่ในศาลา พบมีถุงพลาสติกวางอยู่หลายถุง ด้านในบรรจุผงต่างๆ โดยแต่ละถุงมีตัวอักษรเขียนระบุเอาไว้ชัดเจน อย่างเช่น กระดูก ว่านต่างๆ ดอกผักโขม ดอกดาวเรือง นอกจากนี้ยังมีรากกระชายอบแห้ง

ก่อนพบกับหญิงสาวรายหนึ่งบอกว่า เป็นภรรยาเจ้าของบ้าน ตอนนี้ตนอยู่บ้านกับลูกๆ ส่วนสามีไปซ่อมรถในตัวเมือง อ.กบินทร์บุรี จากนั้นหญิงสาวให้ข้อมูลบอกว่า สถานที่แห่งนี้สามีเป็นเจ้าของ มีชื่อว่าอาจารย์พรชัย โดยก่อนหน้านี้สามีเคยบวชเป็นพระนานกว่า 16 พรรษา ระหว่างที่บวชอยู่นั้น แม่ของสามีกินยา เพื่อพยายามที่จะฆ่าตัวตาย เมื่อนำไปส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่ารักษาไม่ทันแล้ว ให้พากลับบ้านได้เลย สามีจึงศึกษาเรื่องยาสมุนไพรและทดลองรักษาแม่จนอยู่ต่อได้มาอีก 20 ปี

ต่อมาสามีศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ กลายมาเป็นยาสมุนไพรที่ใช้วิธีเดียวกับการกลั่นสุรา เปิดสมุนไพรที่ใช้รักษาก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่อาการของผู้ป่วย เมื่อได้ตัวยาที่การออกมาแล้วจะใช้วิธีการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ และการต้มเป็นยาดื่ม

หญิงสาวรายนี้ กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากสามีรู้ดีอยู่แล้วว่าการกระทำแบบนี้ไม่สามารถขอใบอนุญาตได้ แต่ด้วยเจตนาที่อยากจะช่วยเหลือคน จึงแอบทำโดยผู้ป่วยที่มาส่วนใหญ่จะมาจากปากต่อปาก โดยเคยมีคนดังและข้าราชการของประเทศไทยเคยมารักษาด้วย

หญิงสาวรายนี้ บอกอีกว่า ในอดีตสถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ปัจจุบันมีพระสงฆ์อาศัยอยู่ 2 รูป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบโดยรอบของสถานที่แห่งนี้ ยังพบโอ่งใบหนึ่ง เมื่อตรวจสอบด้านในพบสิ่งของบางอย่างที่หมักอยู่ โดยเต็มไปด้วยหนอนยั้วเยี้ย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *