ส่อคดีพลิก พยานยันเห็นคาตา ผู้กองเข้ม ยัดเยียดลอตเตอรี่ให้ยายแหล่เอง

วันที่ 22 ม.ค.68 จากกรณีนางบุญล้อม มิควาฬ อายุ 68 ปี หรือ ยายแหล่ เจ้าของร้านลาบก้อยยายแหล่ใน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกลอตเตอรี่หมายเลข 807779 งวดวันที่ 17 ม.ค.68 ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท อ้างว่าลอตเตอรี่ใบนี้ ผู้กองเข้มนำมาใช้หนี้ติดค่าลาบก้อย 120 บาท ก่อนนำมาขึ้นเงินรางวัลที่ร้านทองแห่งหนึ่ง อ.ธาตุพนม ขณะที่ผู้กองเข้ม ได้นำสลากที่ถูกรางวัลมาขึ้นเงินที่ร้านทองเดียวกัน

ต่อมาทางผู้กองเข้ม อ้างว่า ตนนั่งกินอาหารอยู่ที่ร้านลายก้อยยายแหล่ พบเห็นลอตเตอรี่ที่นำมาโชว์ ยายแหล่ ถามว่ามีเลขอะไรบ้าง ตนจึงบอกยายแหล่ไปว่ามีเลขท้าย 79, 97 ยายแหล่บอกเลขสวยจัง ยายแหล่จึงขอซื้อตน 1 ใบ จึงบอกกลับไปว่าไม่ต้องซื้อหรอก ตนจึงให้ไป 1 ใบติดกับที่แนบเขียนว่า 12 ล้าน

บอกว่าไม่ต้องซื้อจึงดึงแบ่งฉีกใบที่อยู่ด้านบนให้ 1 ใบ แล้วบอกยายแหล่ไม่ขายหรอก แต่ฝากไว้ถ้าถูกรางวัลให้แบ่งกันคนละครึ่ง ก่อนหน้านี้มีการตกลงต้องแบ่งครึ่งคนละ 3 ล้าน แต่ยายแหล่บอกจะเอาเงิน 1 ล้านบาทไปตั้งกองกฐิน

ยายแหล่ รับปากบอกจะแบ่งเงิน 2 ล้านบาทให้กับตน แต่ก็หายเงียบ จึงแจ้งความที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อแจ้งจับยายแหล่ข้อหายักยอก หากยายแหล่นำเงิน 2 ล้านบาทแบ่งตามที่ตกลงกันไว้จึงจะถอนแจ้งความ

ล่าสุดคดีส่อพลิก เมื่อป้าสำลี คนสนิท ในเหตการณ์ ยืนยัน ผู้กองเข้ม แบ่งยัดเยียด ลอตเตอรี่ ให้ยายแหล่ แบ่งกันรวย ไม่ได้ฝากไว้ ตามคำกล่าวอ้าง แถมยังยัดเยียดให้เก็บไว้

ป้าสำลี อายุ 61 ปี คนสนิทของยายแหล่ ยังยืนยัน ว่า ร.ต.อ.ฐิติพัฒน์ หรือผู้กองเข้ม อายุ 65 ปี ลูกค้าประจำ และสนิทสนมกันชอบมานั่งดื่มเหล้า ก่อนวันหวยออก 2 วัน ได้ ซื้อลอตเตอรี่ เสี่ยงโชคประจำ และนำมาแบ่งให้ยายแหล่ ลุ้นโชค อีกทั้งยังพูดจาหยอกล้อกันว่าแบ่งกันรวย ไม่มีการตกลงกันว่า จะแบ่งเงินสัดส่วนเท่าไหร่ และยังมีการพูดจาหยอกกันอีกว่า ถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะนำมาเป็นสินสอดแต่งงานกัน เพราะทั้งสองคนเป็นหม้าย

ทั้งนี้ ป้าสำลี คนเป็นพยาน อยู่ในเหตการณ์ ยังกล่าวอีกว่า รู้ข่าวว่า ผู้กองเข้มไปแจ้งความ ตนไม่เห็นด้วย เพราะไม่น่าทำกัน เป็นคนกินอยู่ด้วยกันสนิทกัน ช่วยเหลือกันมาตลอด เพราะเชื่อว่า ตั้งใจแบ่งให้จริง

ส่วนการดำเนินคดี ของตำรวจ สภ.ธาตุพนม กรณีผู้กองเข้ม มีการแจ้งความกล่าวหา ว่า ยายแหล่ ยักยอกทรัพย์ มีหลักฐานสำคัญเพียงแค่คำกล่าวหา และเอกสารบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน อยู่ระหว่างการรอสวบสวนเพิ่มเติม พร้อมออกหมายเรียก ยายแหล่  มาให้การเพิ่มเติม ในวันที่ 30 มกราคม 2568 แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

 

อีกทั้งตำรวจ ยังระบุว่า ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่หากผู้แจ้งความไม่พูดความจริง ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ เอาผิดทางกฎหมายฐานแจ้งความเท็จ ส่วนคู่กรณี ทั้ง 2 คน ทราบว่า มีญาติมารับตัวไปอยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถติดต่อได้.