งานวิจัยเผย! การ “จูบ” เสี่ยงแพร่ภาวะซึมเศร้า-วิตกกังวลได้จริง

งานวิจัยชี้ชัด! การ “จูบ” อาจเป็นช่องทางแพร่กระจายภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวลของคู่รัก พร้อมเผยความเชื่อมโยงสุขภาพจิตผ่านความใกล้ชิดทางร่างกาย

2 มิ.ย. 2568 สื่อต่างประเทศรายงานว่า งานวิจัย-การศึกาษา ล่าสุด จากประเทศอิหร่านพบว่า “ภาวะซึมเศร้า” และ “ความวิตกกังวล” อาจสามารถแพร่กระจายได้ผ่านการ “จูบ” ไม่ต่างจากการติดเชื้อโรคในแบบทั่วไป

โดย “ภาวะซึมเศร้า” และ “ความวิตกกังวล” สามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด “คอร์ติซอล” (Cortisol) ซึ่งอาจรบกวนสมดุลของแบคทีเรียในช่องปากได้ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้ ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และสภาพแวดล้อมในช่องปาก ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่อาจ “เอื้อ” ต่อการแพร่ หรือรับเชื้อจากผู้อื่นผ่านการจูบ หรือสัมผัสอย่างใกล้ชิด

มีการเปิดเผยว่า คู่รักสามารถถ่ายโอนแบคทีเรียในช่องปากให้กันได้ระหว่างการจูบ โดยงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า “ในการจูบเพียงแค่ 10 วินาที อาจมีการแลกเปลี่ยนแบคทีเรียมากถึง 80 ล้านตัว เลยทีเดียว”

นักวิจัยยังพบอีกว่า หากคนหนึ่งในคู่รักมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล รวมถึงภาวะนอนไม่หลับ โดยอีกฝ่ายที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้มาก่อน ก็อาจเริ่มมีอาการคล้ายกันได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน โดยมี ‘แบคทีเรียในช่องปาก’ เป็นตัวการสำคัญ

“โดยเฉพาะในคู่รักที่หนึ่งคนมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล เราพบว่าองค์ประกอบของแบคทีเรียในช่องปากของอีกฝ่ายที่ยังไม่เคยมีอาการ เริ่มมีความคล้ายคลึงกับของผู้ที่ได้รับผลกระทบ” ทีมนักวิจัยระบุในวารสาร Exploratory Research and Hypothesis in Medicine

ก่อนหน้านี้ ทางทีมนักวิจัยจากอิหร่าน ได้ทำการติดตามชีวิตของคู่แต่งงานใหม่จำนวน 268 คู่ โดยในบางคู่พบว่า ฝ่ายหนึ่งมีปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และปัญหาการนอนหลับ ขณะที่อีกฝ่ายยังมีสุขภาพจิตปกติดีในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา

จากนั้น นักวิจัยจึงเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพจิตของผู้เข้าร่วม และเก็บตัวอย่างน้ำลายเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนความเครียด พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างแบคทีเรียในช่องปากเพื่อนำไปวิเคราะห์ DNA

สำหรับผลการศึกษาพบว่า “หลังจากผ่านไปเพียง 6 เดือน คู่รักที่ตอนแรกดูมีสุขภาพจิตปกติ โดยเฉพาะฝ่ายหญิง เริ่มมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับเพิ่มขึ้น แม้อาการจะไม่รุนแรงเท่าคู่ของตัวเองที่ป่วยอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน”

โดยการวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาพบว่า “แบคทีเรีย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ Clostridia, Veillonella, Bacillus และ Lachnospiraceae มีปริมาณค่อนข้างมากในตัวอย่างจากผู้เข้าร่วมบางคน ซึ่งแบคทีเรียบางสายพันธุ์ในกลุ่มนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะหากรบกวนสมดุลของระบบในช่องปาก”

เพราะเหตุดังกล่าว ทีมวิจัยจึงเชื่อว่า “แบคทีเรียในปากสามารถส่งต่อกันได้ระหว่างคู่รัก โดยเฉพาะตอนจูบหรือใช้ชีวิตใกล้ชิด ซึ่งอาจมีส่วนทำให้อาการทางจิตใจบางอย่างแพร่ไปได้ด้วย”

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยอมรับว่า “การศึกษาครั้งนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง” เช่น ไม่ได้พิจารณาถึงปัญหาสุขภาพพื้นฐานของผู้เข้าร่วม และปัจจัยด้านอาหารที่อาจส่งผลต่อแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งพวกเขาแนะนำให้ทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาว่า แบคทีเรียอาจมีบทบาทกับโรคทางจิตใจ และสมองอื่น ๆ ด้วยหรือไม่?

ด้านนักบำบัด และนักวิจัยรู้กันมานานแล้วว่า ปัญหาสุขภาพจิตของคน ๆ หนึ่ง สามารถส่งผลกระทบแบบ “ลูกโซ่” ไปยังคนใกล้ชิดได้ และงานวิจัยใหม่นี้ ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นอันตราย

นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาที่พบอีกว่า “คู่รักสามารถปรับตัวให้ตรงกันในหลายเรื่อง” เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจ รูปแบบการนอน และแม้แต่ระดับฮอร์โมนความเครียด และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ ก็สามารถซิงค์กันได้ หากอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน