ผ่าท้องหญิง พนง.กะดึก แพทย์สะพรึง “เหมือนเปิดกล่องสุ่มคริสตัล” ขนลุกสาเหตุจากการกิน!!!

ช็อกวงการแพทย์! หญิงวัย 40 ปวดท้องหนัก หมอตกใจพบ “นิ่วในถุงน้ำดี” ถึง 95 ก้อน แพทย์ชี้สาเหตุจากพฤติกรรมกินดึก-งดอาหารเช้า เสี่ยงนิ่วพุ่งในวัยทำงาน แนะตรวจสุขภาพประจำปี-ปรับพฤติกรรมด่วน

เมื่อไม่นานนี้ ที่มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทีมแพทย์ถึงกับอึ้ง เมื่อหญิงวัยทำงานอายุ 40 ปีรายหนึ่งเข้ารับการรักษาด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดกลับพบว่า ภายในถุงน้ำดีของเธอมีนิ่วสะสมมากถึง 95 ก้อน จนแพทย์ต้องรีบนำตัวเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน

นพ.จาง หย่ง ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมตับ-ถุงน้ำดีของโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วยรายนี้ เปิดเผยว่า ขณะทำการผ่าตัดถึงกับตกตะลึง เพราะถุงน้ำดีของคนไข้แทบไม่มีพื้นที่ว่างจากจำนวนนิ่วที่มากมาย “เหมือนเปิดกล่องสุ่มคริสตัล ที่เต็มไปด้วยก้อนนิ่วเล็กใหญ่จำนวนมาก” แพทย์กล่าว

สาเหตุจากพฤติกรรม “กินดึก-ไม่กินเช้า”

จากการสอบถามประวัติสุขภาพพบว่า หญิงรายนี้มีพฤติกรรมรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมมานานกว่า 10 ปี เนื่องจากทำงานกะกลางคืน มักรับประทานอาหารประเภทปิ้งย่างและของมันในช่วงดึก และหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้า กลายเป็นพฤติกรรม “กลางคืนกินมัน-เช้าไม่กินอะไร” ส่งผลให้ถุงน้ำดีต้องหลั่งน้ำดีในเวลาผิดธรรมชาติ และไม่มีการระบายออก ทำให้น้ำดีข้นตัวและตกผลึกเป็นนิ่วในที่สุด

แพทย์เตือนว่า นิ่วจำนวนมากในถุงน้ำดีอาจทำให้เกิดภาวะอุดตันของท่อน้ำดี หรือรุนแรงถึงขั้นตับอักเสบ และตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่

  • การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา

  • ชอบอาหารมัน อาหารทอด

  • ข้ามมื้อเช้าบ่อย

  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

  • การนั่งทำงานนานโดยไม่เคลื่อนไหว

โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ผู้หญิง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าชาย จากผลของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการระบายของถุงน้ำดี ส่วนวิธีป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีนั้น นพ.จาง แนะว่า หากต้องการหลีกเลี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้

  • รับประทานอาหารเช้าในช่วงเวลา 06.00–08.00 น.

  • ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเช้า

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน

  • ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์

  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะการอัลตราซาวด์ตับและถุงน้ำดี

ทั้งนี้ หากตรวจพบว่ามีนิ่วหรือตะกอนน้ำดีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ควรได้รับคำแนะนำและการรักษาอย่างเหมาะสมก่อนที่อาการจะรุนแรง