สำเร็จแห่งแรกในไทย ทีมแพทย์ รพ.จุฬาฯ ผ่าตัดรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ใช้เทคโนโลยีใหม่ประสิทธิภาพสูง แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
วันนี้ (7 ก.ค.68) รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน หัวหน้าศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และนายกสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ศูนย์นิทราเวช และทีมแพทย์ทุกสหสาขาวิชาชีพ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการนอนหลับ ซึ่งโรคความผิดปกติจากการนอนหลับส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายทุกระบบ จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ในทุกปี และให้บริการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับในทุกรูปแบบ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) พบได้ประมาณร้อยละ 14 ในประชากรทั่วไป โดยผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการกรน ตื่นบ่อยระหว่างคืน ง่วงนอนผิดปกติในเวลากลางวัน เป็นต้น ซึ่งโรคนี้สามารถเพิ่มโอกาสการเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด การรักษาหลักคือการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก แต่มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่สามารถทนต่อการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ทีมแพทย์จึงหาวิธีการใหม่มาช่วยในการรักษา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละราย
ล่าสุดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ประสบความสำเร็จ ในการใช้เทคนิคพิเศษผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรง ระดับปานกลางถึงรุนแรงมาก ด้วยวิธีการกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 (HGNS) ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง แผลผ่าตัดเล็ก ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแห่งที่สี่ในเอเชีย หลังจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศฮ่องกง ที่มีการรักษาด้วยวิธีนี้ และทางโรงพยาบาลจะเปิดการรักษาด้วยวิธี HGNS ในอนาคตอันใกล้ ผู้ป่วยที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าการรักษาด้วยนวัตกรรมนี้ได้จากข่าวสารของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ด้าน ผศ. (พิเศษ) พญ. นทมณฑ์ ชรากร หัวหน้าหน่วยโสต ศอ นาสิกวิทยาการนอนหลับ ฝ่ายโสต ศอ นาสิกวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแบบ HGNS ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ ต้องมีระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก ไม่สามารถทนการรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกได้ และมีข้อบ่งชี้ตามเกณฑ์กำหนด
หลักการผ่าตัดแบบ HGNS คือ การฝังเครื่องกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 (Hypoglossal Nerve) ลักษณะเป็นกล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฝังลงไปในร่างกาย (Implantable Device) ที่บริเวณเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก เพื่อส่งสัญญาณกระตุ้นไฟฟ้าที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 ทางฝั่งขวา เฉพาะแขนงที่ทำให้กล้ามเนื้อลิ้น (Genioglossus Muscle) เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ขณะที่มีอุปกรณ์จับสัญญาณการเคลื่อนไหวของทรวงอกว่ากำลังหายใจเข้า บริเวณชายโครงด้านขวา ทำให้ทางเดินหายใจเปิดโล่ง อุปกรณ์จะปล่อยพลังงานไฟฟ้าในขนาดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยสามารถเปิดอุปกรณ์ใช้งานก่อนเข้านอนและปิดเมื่อตื่นนอนผ่านทางรีโมทคอนโทรล วิธีนี้เป็นการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่มีมาแล้วมากกว่า 10 ปี ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration: FDA) เมื่อปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ.2014) มีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงประสิทธิภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและผลลัพธ์ดี ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการทำหัตถการนี้เกิดขึ้นภายในประเทศไทย
รศ.นพ. ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุปว่า นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สามารถนำเทคนิคนี้มารักษาผู้ป่วยได้สำเร็จเป็นที่แรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่สี่ของเอเชีย เป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับกลุ่มผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่มีความประสงค์จะรักษาด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่นี้ จำเป็นต้องผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีข้อบ่งชี้ตามเกณฑ์ เพื่อความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
