เกินไปแล้ว! 4 รุ่นพี่ต่างด้าววัย 11 ขวบ จับเด็กชายไทย 7 ขวบล็อกแขน บังคับให้อมอวัยวะเพศ อึ้งครูอ้างเด็กหยอกล้อ แถมขอลองเอง สุดทนขึ้นโรงพักแจ้งความ เผยมีคนโดนแบบเดียวกันอีก
วันที่ 11 ก.พ.68 จากกรณีเฟซบุ๊กได้โพสต์สอบถามในกลุ่มทนายอาสาให้คำปรึกษากฎหมายฟรี ว่า “ขอสอบถามค่ะลูกชายของเพื่อนเป็นเด็กอยู่ ป.1 อายุ 7 ขวบ โดนเด็กที่โรงเรียนซึ่งเป็นต่างด้าว พม่าและเขมรอายุ 10-11 ปี จับแขนทั้งสองข้างแล้วเอาอวัยวะเพศยัดปากน้อง 7 ขวบ ครูสอบถามและบอกว่าน้อง 7 ขวบอยากลองเอง และครูไม่เรียกพ่อแม่ของเด็กที่ทำความผิดมานัดเจอพ่อแม่ของเด็กที่เป็นเหยื่อครู แต่พูดว่าเด็ก 7 ขวบบอกอยากลองเอง แบบนี้เราสามารถเอาผิดเด็กต่างด้าวได้ไหมคะ #กรณีนี้เคยมีเด็กโดนทำแบบนี้แล้วหนึ่งคน #แล้วตอนนี้ก็มีเพิ่มหนึ่งซึ่งเป็นลูกของเพื่อนเราเอง #เราสอบถามเด็กคนแรกที่โดนแล้วเด็กบอกไม่เคยพูดว่าอยากลองครูน่าจะแต่งเรื่องเองเพื่อให้เรื่องมันจบไป
ต่อมาเวลา 19.30 น.วันเดียวกัน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี แม่ของเด็กชายวัย 7 ขวบ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เอกชัย ภาควัตร รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ว่าลูกถูกรุ่นพี่ในโรงเรียนเดียวกัน เป็นเด็กชายชาวกัมพูชา 1 คน และเมียนมา 3 คน จับล็อกตัวแล้วบังคับให้อมอวัยเพศ โดยครูอ้างว่าลูกตนอยากลองเอง
จากการสอบถาม น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนรู้จากลูกเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันว่า ถูกกลุ่มรุ่นพี่ในโรงเรียนที่อยู่ชั้น ป.5 และ ป.6 เป็นชาวกัมพูชา 1 คน และชาวเมียนมา อีก 3 คน จับลูกตนล็อกแขนขาแล้วให้อมอวัยวะเพศภายในวันเดียวกัน 2 คน ในเวลาเดียวกันอีกด้วย เพราะหลังเกิดเหตุลูกตนก็กลับมาบ้านปกติไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง กระทั่งแม่เพื่อนของลูกชายมาสอบถามว่าลูกชายก็โดนกระทำเหมือนกันและได้เล่าให้ฟังหรือไม่
จากนั้นจึงได้สอบถามลูกจึงได้ยอมเล่าให้ฟัง ตนจึงไปสอบถามครูก็บอกว่าเด็กอยากลองเอง เป็นการหยอกล้อกัน ซึ่งตนไม่เชื่อ เพราะลูกบอกว่าไม่ได้หยอกล้อและไม่ได้อยากลอง ซึ่งในโรงเรียนนี้มีเด็กนักเรียนที่เป็นชาวกัมพูชาและเมียนมาจำนวนมากเกินกว่านักเรียนไทย และอีกอย่างทางโรงเรียนก็รับเด็กนักเรียนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเรียนโดยอายุเยอะกว่า แต่เรียนด้วยกันก็มี อย่างเช่นอายุ 7-8 ขวบ มาเข้าอนุบาลก็มี
ซึ่งอายุก็ไม่สามารถมาร่วมกันได้แล้ว ก็เข้าใจว่าทางโรงเรียนหรือครูอยากให้เด็กมีอนาคต แต่อยากให้คัดกรองให้มากกว่านี้ เพราะว่านิสัยของเด็กไม่เหมือนกัน และอีกอย่างตนก็ไม่รู้ว่านิสัยของเด็กประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างไร และมีการเล่นแบบไหน
นอกจากนี้ก็ไม่มีการติดต่อผู้ปกครองฝ่ายผู้กระทำความผิดให้มาพบหรือเจรจาอะไรกัน โรงเรียนก็เงียบ และเพื่อนก็ได้ไปโพสต์สอบถามในกลุ่มทนายความเพื่อปรึกษาฟรีว่ากรณีอย่างนี้สามารถดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นนักเรียนเป็นชาวกัมพูชาและเมียนมา และครูเรียกไปพูดคุยก็บอกเพียงแต่ว่าจะติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเพื่อสอดส่องดูแลพฤติกรรมเด็ก
ตนเชื่อว่าไม่สามารถควบคุมได้เพราะพฤติกรรมของเด็กไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร และสามารถควบคุมได้แค่ไหน อีกอย่างการเลี้ยงลูกเป็นสิ่งสำคัญ ตนก็ไม่รู้ว่าผู้ปกครองกระทำอะไรให้ลูกเห็นหรือทำให้ลูกรู้หรือไม่ ลูกจึงได้จดจำแล้วเอามาทำกับเพื่อนในโรงเรียนอย่างนี้ ตนอยากจะให้โรงเรียนพิจารณาในการรับเด็กที่เป็นชาวกัมพูชาและเมียนมาเข้ามาเรียน อยากให้คัดกรองและตรวจสอบให้ดี เพราะนิสัยเด็กไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรและความคิดเขาเป็นแบบไหน และที่สำคัญเหตุนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับลูกตนคนเดียวและยังมีเพื่อนของลูกก็โดนเหมือนกันอีกด้วย