สูญเสียพี่ชายในวัย 52 ปี สิทธิประกันสังคมรักษาช้า แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มา รพ. วันแรกหมอตรวจเลือดให้ยาแล้วให้กลับบ้านได้ อาการไม่ดีกลับไป รพ. ตอนตีห้า นอนรอหมอจนถึง 8 โมงเช้า สุดท้ายหัวใจล้มเหลวในห้องเอกซเรย์
ป่วยฉุกเฉินใช้ประกันสังคม แต่หมอให้กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นไปหาหมออีก หัวใจล้มเหลวขณะรอเอกซเรย์ เรื่องราวของน้องชาย ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Chatpat Chuthichok โพสต์ข้อความตอนหนึ่งระบุ ไว้แบบนี้ “พี่ชายอายุ 52 ปี ผมแน่นหน้าอก เจ็บตรงลิ้นปี่ หายใจไม่ออก เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.68 ได้ใช้สิทธิประกันสังคม ในการรักษา ตอนสองทุ่ม (20.00 น.) ทางโรงพยาบาลได้ให้ยา และทำการตรวจเลือด นอนรอที่ห้องฉุกเฉิน จนถึงประมาณห้าทุ่ม (23.00 น.) เจ้าหน้าที่มาบอกว่า ไม่เป็นอะไร ปกติ กลับบ้านได้ ทั้งที่ผู้ป่วยยังแน่นหน้าอกอยู่ ไม่ยอมให้นอน
จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 28 ก.พ.68 เวลาประมาณตีห้า (05.00 น.) ผู้ป่วยได้กลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง เนื่องจาก ปวดและแน่นหน้าอกมาก ทางโรงพยาบาลจึงให้แอดมิด แต่ให้นอนรอหมอเฉย ๆ ไม่ได้ทำการรักษา จนถึงประมาณ 8 โมง (08.00 น.) จนพี่ชายไม่ไหวแบบสุดๆ พี่สาวที่พาคนไข้มาโรงพยาบาล จึงไปบอกพยาบาล ถึงได้ให้ไปเอกซเรย์ (x-ray) พี่ชายจึงเปลี่ยนชุด รพ. เดินตามพยาบาลไปห้องเอกซเรย์
ต่อจากนั้นพยาบาลได้ขึ้นมาตามพี่สาว ลงไปที่ห้องเอกซเรย์ แล้วบอกว่าตอนนี้ ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว กำลังทำการช่วยชีวิตอยู่ แล้วพี่ผมก็จากไป ทำไมคนป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคม ถึงได้การรักษาแบบนี้ พี่สาวบอกกับพยาบาลว่า ขอยกเลิกใช้สิทธิ์ประกันสังคม และขอจ่ายค่ารักษาเอง เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่รวดเร็ว แต่มันไม่ทันแล้ว”
“ประกันสังคม สำหรับใครที่เจ็บป่วยหนัก ๆ แต่ทางโรงพยาบาลวินิจฉัยจากภายนอก เห็นว่า พูดได้ คุยได้ พึงระวังไว้เลย เพราะเขาจะไม่รักษาคุณทันทีหรอก จนกว่าคุณจะใกล้ตายเขาถึงมารักษาคุณ แด่พี่ปื๊ดพี่ชายของผม #แด่สิทธิ์รักษาประกันสังคมห่วย ๆ เป็นข้อความทิ้งท้ายของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chatpat Chutichokthanapat ระบุถึงการรักษาตามสิทธิประกันสังคม
อีก 1 โพสต์ ที่น้องชายของผู้เสียชีวิตโพสต์ไว้ในหน้าเพจ ระบุว่า มันเร็วไปไหม เมื่อคืนหมอบอกให้กลับบ้านได้ ไม่เป็นไร แต่เมื่อเช้า แน่นหน้าอก กลับไปอีกรอบ สุดท้าย พี่ปื๊ด ได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว ในอ้อมกอดของพระเจ้า บนสวรรค์ แล้วต่อไปนี้ใครจะตีกลองนมัสการพระเจ้าทุกวันอาทิตย์ หลับให้สบายนะครับ
ขณะที่เพจ Dr. Dark ได้แชร์โพสต์และแสดงความอาลัยต่อการจากไปของผู้เสียชีวิต พร้อมระบุถึงอาการแน่นหน้าอกว่า น่าจะ acute MI (ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน) ไม่รู้ว่ารอบแรกได้ตรวจ EKG (ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า) ไหม